บทความวศิลป์เขียน

[ผู้แพ้ที่มีรอยยิ้ม คือผู้ชนะที่แท้จริง]แชร์ประสบการณ์ในการเข้าร่วมPITCH IDEAS ที่งาน STARTUP THAILAND 2017

จากการเข้ารอบ 30 ทีมสุดท้าย ที่คัดเลือกจากทั่วประเทศในรุ่นผู้ประกอบการ บอกได้เลยว่ามันเกิดขึ้นเร็วมากสำหรับคนที่เพิ่งเริ่มอย่างผม…

[ผู้แพ้ที่มีรอยยิ้ม คือผู้ชนะที่แท้จริง]แชร์ประสบการณ์ในการเข้าร่วมPitch ideas ที่งาน Startup Thailand 2017

อย่างที่ทราบกันว่า เราก่อตั้งเป็นรูปแบบ หจก. ขึ้นได้ไม่นาน ประมาณ 1 เดือนกว่าๆ ผมได้เจอข่าวประกาศในกลุ่ม สมาคมโปรแกรมเมอร์ไทย ว่ามีการแข่งขันไอเดียชิงถ้วยพระราชทานจากสมเด็จพระเทพฯและเงินรางวัล โดยชื่อเต็มๆของโครงการนี้คือ

 การประกวดโมบายโซลูชั่นภาครัฐ Mobile Enterprise d-Government Award 2017 : MEGA 2017 โดยสำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) หรือ EGA [website]

รายละเอียดของการแข่งขันคร่าวๆก็คือ คิดแอพพลิเคชั่น หรือ ระบบ ที่สามารถใช้ในการช่วยเหลือภาครัฐได้ โดยทำมาเสนอเป็นรูปแบบไอเดีย

ครั้งแรกที่อ่านรายละเอียด กฏเกณฑ์ และกำหนดการต่างๆ แทบไม่คิดอะไรเลยนอกจาก “กูต้องทำ” เพราะไหนๆกฏทุกอย่างเราผ่านแล้ว เพราะรับเฉพาะผู้ประกอบการที่จดทะเบียนเป็น หจก.หรือบริษัท เราก็ต้องไม่ให้โอกาศนี้เสียเปล่า สมัครอย่างรวดเร็วในตอนพักเที่ยง ตกเย็นกลับบ้านมาก็รีบทำไอเดียส่ง โดยมีสโคปเวลาคือ 1 คืน ต้องเสร็จ เพื่อไม่ให้กระทบกับงานอื่น และ 1 คืน ที่ผมทำออกมาได้ก็คือ

ส่วนตัวคิดว่า สวยงามกว่าที่คิดแฮะ กดส่งไปเรียบร้อย แต่ก็ต้องหลังหักเมื่อ ไปเปิดเจอว่า กทท.ก็มีระบบนี้แล้วเหมือนกัน คิดจะทำใหม่ส่งไปแล้ว เอาเป็นแอพปะยางแบบที่เคยคิดว่าจะทำ แต่…. มีงานด่วนเข้ามา ต้องไปติด access point ให้ลูกค้า ใช้เวลาถึง 4 5 ทุ่มแน่ๆ และกลับมาคงไม่มีแรงทำ สุดท้ายทำอะไรไม่ได้ เราก็ไม่ทำ ช่างแม่ง(อันนี้ปลอบใจตัวเอง)

สองวันต่อมา ประกาศผลผู้เข้ารอบ 30 ทีม จากผู้ส่งมาร้อยกว่าทีม ยังจำอารมณ์ตอนนั้นได้ คือแบบไม่มีหวังแน่ๆ เปิดดูเพื่อให้รู้ว่าไม่มีชื่อเราเป็นอันจบ … ปรากฏว่า

แม่งงง เลื่อนมาจึ้กนึงเจอเลย จะดีใจเสียงดังก็ไม่ได้ อยู่ที่ทำงาน วันนั้นทั้งวันก็ได้แต่ยิ้มมม บอกเฉพาะเพื่อนที่สนิทๆเท่านั้นว่า เราทำอะไรไป  ความดีใจเริ่มเข้าที่ ความหนักใจเริ่มเข้ามาแทน 

ขอให้ตัวแทนของทั้ง 30 บริษัทนี้ โปรดเตรียมตัวในการขึ้นนำเสนอไอเดียของท่านต่อหน้าคณะกรรมการ ในรอบ idea pitching (ยังไม่จำเป็นต้องมี prototype) ที่งาน Startup Thailand ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ห้อง meeting room 2 ในวันที่ 7 ก.ค. 60 ตามเวลาที่ระบุไว้

… มีเวลาแค่2วัน 2วันเหมือนนาน แต่กับคนมีงานประจำอย่างเรา ก็คือ 1 คืนเท่านั้นเอง

รถก็ทำสีอยู่ที่ศูนย์ เวลาที่จะเตรียมก็มีแค่1คืน งานวีดีโอก็ต้องทำ จะทำ preset แบบไหน จะชูจุดเด่นอะไรที่ไม่ให้ซ้ำของเดิม เอาวะ ผมทำวีดีโอเสร็จประมาณตีหนึ่ง ก็มาทำสไลด์ที่จะพรีเซ็นท์ ทำได้แค่ชั่วโมงกว่าๆ ภาพตัดหลับเฉย ประเมินว่าทำได้แค่ 70%เท่านั้น และนี่คือสไลด์ที่ทำ จะเห็นว่ามีจุดที่ไม่สมบูรณ์อยู่ นั่นแหละ

ที่ผมด้นเอาหน้างาน และสุดท้ายก็คือต้องเอามอเตอร์ไซค์ไป ฟ้าก็มาซะมืด มีฝนตกเล็กน้อยตอนอยู่แถวๆหัวลำโพง แต่ก็ขึ้นสะพานยาวๆหนีฝนไปได้

ตอนเช้านัดกับพี่สาวไว้ 10โมงถึงที่นั่น สุดท้ายแล้ว ตื่น 9.30 และก็มีอีกปัญหาคือ เข้าใจผิดคิดว่าตัวเองพรีเซนท์ตอน 12.30 ที่จริงแล้ว 11.30 ตางหาก พอไปถึง ก็ลงทะเบียน แล้วก็กางโน๊ตบุคด้นสดต่ออีกหน่อย จนทีมงานโทรตามว่าอีกทีมมาไม่ทัน ให้เราขึ้นก่อน “เห้ย แล้วมาเกี่ยวอะไรกับกูเนี่ยยยย” แต่สุดท้าย ทีมแรกก็มาทัน ส่วนตัวผมก็ด้นสดอยู่หน้างาน

พอเข้าไปในห้องประชุม กำลังมีบริษัทหนึ่งพรีเซนท์อยู่ ในสไลด์มีตัวเลข การลงทุน ช่องทางกำไร การตลาด ฯลฯ เต็มไปหมด ได้แต่บอกกับตัวเองว่า “ชิบหายละ นี่กูมาทำไมเนี่ย” แต่แล้วก็มีความคิดอีกอันนึงขึ้นมา “ในเมื่อเราไม่มีตัวเลขมานำเสนอ เราก็ไม่ต้องเน้นการขายเลยสิ” เออหว่ะ พอไปได้ สุดท้ายก็ถึงคิวของเรา

ประโยคที่พิธีกรพูดว่า “ขอเชิญตัวแทนจาก ห้างหุ้นส่วนจำกัด ดับเบิ้ลยูครีเอชั่น แอนด์ ไอทีโซลูชั่น เชิญด้านบนเวทีได้เลยค่ะ” 

เชี่ยยย แม่งโคตรยิ่งใหญ่ เข้าใจแล้วว่าเรามาทำไม เรามาเพื่อแข่งกับตัวเราเอง ประเมินตัวเอง ว่าเราสามารถทำได้หรือเปล่า คิดได้เท่านี้ก็จบภารกิจเราแล้ว ทำให้เต็มที่

นาทีแรกที่ขึ้นไป โคตรประหม่า พูดติดๆขัดๆซ้ำๆ มีกรรมการ 7 ท่าน คืออันนี้เราไม่รู้จักใครในห้องเลย เขาเก๋าแค่ไหน มีอำนาจแค่ไหน แต่หลังจากนาทีแรก ผมมองไปที่สไลด์ที่ทำมา เห็นรูปตัวเอง LOGO บริษัทตัวเอง ทุกอย่างกลับคืนมาหมด สามารถพูดตามภาพ(ที่ทำไม่ค่อยสมบูรณ์) ในสไลด์ได้อย่างครบถ้วน โดยไม่ต้องอ่านpaperที่เอาขึ้นไปเลยเสียด้วยซ้ำ ผมรักษาเวลาได้ดีมาก (5นาที) โดยที่ก่อนหมดเวลา ผมสามารถจบการนำเสนอด้วย wordingที่เตรียมมาได้อย่างดีเยี่ยม

“ทุกๆท่านครับ เห็นได้ว่าสไลด์ที่ผมพรีเซ็นท์ไปนั้น ไม่มีตัวเลข กำไร-ขาดทุนเลย เพราะผมเชื่อว่า ความสุขจากผู้ที่ใช้แอพพลิเคชั่นตัวนี้… ประเมินค่าเป็นตัวเงินไม่ได้” (จริงๆคือไม่ได้ทำมานั่นแหละ)

หลังจากนำเสนอเสร็จ ถึงคราวที่กรรมการจะถามบ้าง ก็เจอคำถามที่คิดว่าโดนแน่ๆมา เช่น ระบบนี้มีอยู่แล้วนี่น่า ผมก็แก้ลำไปว่า “ยอมรับครับว่า ผมเพิ่งเห็นว่าทาง กทท.ก็มีแบบนี้เหมือนกันเป็นบนเว็บไซต์ แต่สิ่งที่ผมจะโฟกัสก็คือ การร่วมมือกันของ ภาครัฐ และเอกชนในท้องที่นั้นๆ ช่วยกันประชาสัมพันธ์ สร้างเนื้อหา สร้างสือต่างๆ ไปด้วยกัน เน้นความมีส่วนร่วมของท้องที่ มากกว่า” และอีกคำถามปิดท้ายคือ อยากได้อะไรจาก กทท. ผมตอบไปว่า “อยากได้ความร่วมมือในเรื่องของ หนังสืออนุญาติในการเข้าถึงข้อมูล หรือถ้าทาง กทท.มีระบบฐานข้อมูลอยู่แล้ว ผมก็ยินดีที่จะเขียนระบบใหม่นี่ครอบของเดิมไปได้เหมือนกัน”

ทุกอย่างคลายความกังวล ผมทำหน้าที่ของผมเสร็จสิ้น และเต็มที่แล้ว

ผลครั้งนี้ ผมยังไม่เห็นการประกาศผล แต่ก็คิดว่าคงไม่ได้ผ่านเข้ารอบหรอก ได้มาเท่านี้ก็คุ้มมากๆแล้ว (ได้เจอคุณปานระพีด้วย สวย น่ารักแบบออร่ามาก อยู่แบบใกล้ๆตัวเลย ไปไม่เป็นกันเลย) (สรุป..ก็ไม่ได้เข้ารอบหรอก)

แอ๊วสาวแปป… ทางนี่เลยแหละสาวแว่นนี่

รอบนี้ไม่ได้ไม่เป็นไร แต่ผมชักติดใจการแข่งขัน โดยเฉพาะการแข่งกันกับตัวเอง ความท้าทายว่าเราจะทำได้หรือไม่ …

ผมไม่หยุดแค่นี้แน่ๆ

“เพราะมืออาชีพ คือมือสมัครเล่น ที่ไม่ยอมหยุดเล่น”

เรากำหนดอะไรปัจจัยภายนอกไม่ได้หรอก สิ่งที่เรากำหนดได้คือตัวเราเองนี่แหละ ว่าจะทำหรือไม่ทำ การเดินทางร้อยลี้พันลี้ก็ต้องเริ่มที่ก้าวแรกเสมอ 
  เป็นกำลังใจให้เพื่อนๆน้องๆ ค้นหาสิ่งที่ชอบให้เจอแล้วลงมือทำมันนะ ถึงไม่ผ่านเข้ารอบ แต่ผมก็ดีใจแล้ว ถือเป็นก้าวแรกที่ดี 

“ผู้แพ้ที่มีรอยยิ้ม คือผู้ชนะที่แท้จริง” ผมเชื่ออย่างนั้น

สุดท้ายขอบคุณพี่สาว @serenasine ที่มาช่วยถือของและถ่ายรูปให้ สักรูปกลางสี่แยกระหว่างไปส่งมันทำงานช่วงบ่าย

คลิปที่ถ่ายตอนขึ้นPitch เสียงพอฟังได้