กาแฟดำ ไม่ใช่แค่ไม่ให้ง่วง แต่ประโยชน์-ผลพลอยได้ของมันมีมากกว่านั้น
1. ไม่มีน้ำตาล
ด้วยความที่ว่ากาแฟดำนั้นประกอบไปด้วยน้ำที่ผ่านเมล็ดกาแฟที่ผ่านการบด และทำการดริฟผ่านน้ำร้อนๆผ่านกรอง จึงไม่มีส่วนผสมของน้ำตาล ที่ถ้าเราบริโภคมากไปก็จะทำให้เกิดโรคต่างๆ และไม่อ้วนด้วย แต่ข้อนี้อาจจะเว้นไว้ให้สำหรับมือใหม่กาแฟดำสักหน่อย เพราะก็ต้องบอกตามตรงว่า ตัวผู้เขียนเองตอนที่หัดดื่มกาแฟดำแรกๆ ก็ยังเอากลูโคสมาผสมบ้าง จาก1ซอง เป็นครึ่งซอง และลดลงเรื่อยๆจนไม่ต้องใส่

2.ได้รถชาดกาแฟที่แท้จริง
ผู้ที่ดื่มกาแฟดำบ่อยๆ จะค้นพบว่า กาแฟดำไม่ได้ขมอย่างที่ใครว่ากัน มิหนำซ้ำ ยังมีรสชาดแตกต่างออกไปในแต่ละสายพันธุ์กาแฟอีกด้วย เวลาที่มีคนซื้อเมล็ดกาแฟใหม่ๆมา ก็จะตื่นเต้นกันว่ารสชาดจะออกมาดีมั้ย เปรี้ยวมากไป หรือขมมากไป ในที่นี้ก็มีทางแก้โดยการ เทน้ำที่ 2 หรือ 3 ลงไป เพื่อให้รสชาดกาแฟเจือจางลงบ้าง
3.คิดงานออก
หลายต่อหลายครั้งที่สอบถามเพื่อนที่ร่วมงานและร่วมดื่มกาแฟด้วยกัน มีหลายครั้งที่คิดงานไม่ออก แต่พอได้เตรียมของเพื่อดื่มกาแฟแล้ว กลับคิดงานออกได้ซะอย่างนั้น อาจจะเป็นเพราะจากสมองที่เราโฟกัสอยู่แต่เรื่องงาน พอได้ผ่อนคลายด้วยการอะไรอย่างอื่นทำ ทำให้เมื่อกลับมาคิดแล้ว เปลี่ยนมุมมองที่มองปัญหาเดิมได้กว้างมากขึ้น เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานไปในตัว

4.ได้สังคม บรรยากาศการทำงานที่ดี
ข้อสุดท้ายนี่สำคัญมาก กว่าจะได้กาแฟดำมา 1 แก้ว ขั้นตอนคือต้องปั่นเมล็ดกาแฟก่อนโดยการหมุนด้วยมือ อีกคนไปเตรียมน้ำ อีกคนเตรียมกระดาษกรอง ถึงจะใช้เวลาเพียงไม่นาน แต่อย่างน้อยก็ได้มีช่วงเวลาพูดคุยทั้งเรื่องทั่วไปทั้งเรื่องงานก่อนการทำงานในแต่ละวัน ทำให้การทำงานราบรื่น รวดเร็ว เข้าใจกันมากขึ้น
ใครจะไปเชื่อหล่ะครับ ว่ากาแฟดำเพียงกาเดียว … มีประโยชน์ขนาดนี้
สุดท้ายนี้ที่เขียนมาทั้งหมด เป็นเพียงแค่บรรยากาศในการทำงานที่เชื่อมโยงกับกาแฟดำในออฟฟิศของตัวผู้เขียนเองเท่านั้น ในที่อื่นอาจจะมีวิธีการผ่อนคลายที่แตกต่างกันไป แต่สิ่งหนึ่งที่ใช้ในการเชื่อมโยงแต่ละคนให้เข้าถึงกันคือ “สื่อกลาง” ที่จะเป็นตัวเชื่อมเพื่อให้คนที่แตกต่างกัน สามารถคิดสิ่งเดียวกันได้ แม้สิ่งๆนั้นเป็นเพียงแค่ “กาแฟ” เท่านั้นเอง
